Greetings (การทักทาย)
Greetings (การทักทาย)
การพบปะกันในชีวิตประจำวันตามปกติแล้วจะมีการทักทายกันตามธรรมเนียม
สำหรับประชาชนที่พูดภาษาอังกฤษ
มักจะใช้คำหรือข้อความที่มีความหมายว่า “สวัสดี” ในช่วงเวลาและกับบุคคลที่แตกต่างกันดังนี้
1. Good morning
Good morning แปลว่า สวัสดี (ตอนเช้า) ใช้กับบุคคลโดยทั่วไปตั้งแต่เวลาเช้าหรือหลังเที่ยงคืนถึงเวลาเที่ยงวัน
หรือเวลาอาหารกลางวัน การออกเสียง Good มักจะเบาจนบางครั้งได้ยินแต่ morning สำหรับผู้ตอบนั้นก็กล่าวว่า Good morning ในทำนองเดียวกัน
ตัวอย่าง
A : “Good
morning……………………”
B : “Good
morning……………………”
2. Good afternoon
Good afternoon แปลว่า สวัสดี (ตอนบ่าย) ใช้กับบุคคลโดยทั่ว ๆ
ไปตั้งแต่หลังเวลาเที่ยงวันหรือเวลาอาหารกลางวันจนไปถึงเวลาพระอาทิตย์ตกดินหรือราวหกโมงเย็น การออกเสียงคำทักทายนี้ออกเสียงเบาที่Good เช่นเดียวกับ Good morning สำหรับผู้ตอบนั้นก็กล่าวคำว่า Good afternoon เช่นเดียวกับผู้ทักทาย
ตัวอย่าง
A : “Good
afternoon……………………”
B : “Good afternoon
……………………”
3. Good evening
Good evening แปลว่า สวัสดี (ตอนค่ำ) ใช้กับบุคคลโดยทั่ว ๆ
ไปตั้งแต่เวลาหลังหกโมงเย็นไปแล้ว คำทักทายนี้ออกเสียงเบาที่ Good เช่นเดียวกับ Good morning และ Good
afternoon สำหรับผู้ตอบนั้นก็กล่าวGood evening เช่นเดียวกับผู้ทักทาย
ตัวอย่าง
Joe : “Hello,
Jack…………………… .”
Jack : “Hello……………………
”
4. Hello / Hi
Hello และ Hi แปลว่า สวัสดี
ใช้กับบุคคลที่สนิทเป็นกันเองหรือในการทักทายที่มิได้เป็นพิธีการ
เราจะไม่ใช้กับผู้ใหญ่ แต่อย่างไรก็ตามอาจใช้กับพ่อแม่
หรือผู้ที่สนิทกันได้ในบางโอกาส
สำหรับการตอบนั้น ผู้ตอบก็กล่าวเช่นเดียวกับผู้ทักทาย
5. How do you do?
How do you do? เป็นข้อความที่ใช้ทักทายกันเฉพาะกับคนที่พบหรือรู้จักกันเป็นครั้งแรกใช้ทั้งกลางวันและกลางคืน
ข้อความนี้เป็นรูปคำถามที่มีความหมายว่า “สวัสดี” ซึ่งไม่ต้องการคำตอบ
ดังนั้นผู้ตอบจึงต้องกล่าวตอบโดยใช้ How do you do? เช่นเดียวกับผู้ทักทาย
ตัวอย่าง
A : “How do you
do?
B : “How do you
do?
6. How are you? (การถามเกี่ยวกับทุกข์สุข)
หลังจากการกล่าวทักทายกันด้วยคำว่า “สวัสดี” แล้ว
ประชาชนที่พูดภาษาอังกฤษมักจะถือเป็นธรรมเนียมที่จะต้องถามทุกข์สุขของอีกฝ่ายหนึ่งติดตามมา
โดยกล่าวข้อความต่อไปนี้
How are you? (คุณเป็นอย่างไร)
How are
you…………………?
(today)
(this
morning)
(this
afternoon)
(this
evening)
How have you been? ใช้ในกรณีไม่ได้พบกันนาน ๆ ซึ่งมีความหมายเดียวกันกับ How are
you? บางครั้งก็มีการเพิ่มข้อความแสดงเวลาที่ถามเช่นเดียวกัน
|
I’m
fine.
(very
well) บางครั้งอาจไม่ต้องมีประธานหรือกิริยาครบ
(quite
well) ก็ได้
คือกล่าวเฉพาะข้อความข้างหลัง
(O.K.)
ผู้ตอบอาจเพิ่มข้อความแสดงการขอบคุณ
และถามตอบผู้ทักทาย
I’m
fine, thank you and you?
I'm fine.
(Thank
you and how are you?)
(Thank you and how have you
been?)
(ผมสบายดี ขอบคุณครับ
แล้วคุณล่ะเป็นอย่างไรบ้าง)
Fine,
thank you and you?
|
|
Not so well.
Not very well. ไม่่ค่อยสบาย
ผู้ตอบอาจบอกเหตุผลหรืออาการเจ็บป่วยเพิ่มเติม เช่น
Not
so well. I have a cold.
ไม่ค่อยสบาย เป็นหวัด
เมื่ออีกฝ่ายหนึ่งทราบว่าผู้ที่เราคุ้นเคยด้วยไม่สบาย
ควรแสดงน้ำใจด้วยการพูดให้กำลังใจดังนี้
I
hope you are better soon.
ฉันหวังว่าคุณจะสบายขึ้นในเร็ว ๆ
นี้
I’m
sorry to hear it.
ผมเสียใจด้วยที่ทราบเช่นนั้น
ตัวอย่างที่ 1
A : “Good
morning.”
B : “Good
morning. How are you?”
A : “Fine,
thanks and you?
B : “Very
well, thank you.”
ตัวอย่างที่ 2
Joe
: “Hello, Joy.”
Joy
: “Hi, Joe. How are you?”
Joe
: “Not so well. I have headache.”
Joy
: “I hope you feel better soon.”
Joe
: “Thank you.”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น